เลือกที่นอนอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง?
- siamchai service
- 31 ต.ค.
- ยาว 1 นาที

การเลือกที่นอนที่ถูกใจสักหลัง หลายคนอาจคิดว่าแค่เพียงกดๆ แตะๆ หรือนั่งทิ้งน้ำหนักนิดๆ ตรงมุมที่นอนไม่กี่นาทีก็เพียงพอจะรู้ว่าชอบหรือไม่ แต่ความจริงแล้วการเลือกที่นอนแบบนั้นอาจทำให้ผิดหวังได้เมื่อใช้งานจริง เพราะการนอนที่ดีต้องไม่เป็นสาเหตุของอาการไม่สบายต่างๆ อย่าง อาการปวดหลัง ปวดคอ หรือเมื่อยตัวหลังตื่นนอน ดังนั้นการเลือกที่นอนที่ดีที่สุดจึงควรใช้เวลาในการทดลองนอนอย่างเต็มที่ไม่ต้องเขินอาย เราขอแนะนำเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณเลือกที่นอนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
เลือกที่นอนให้เหมาะกับวัย
หลักการเลือกที่นอนข้อแรกคือ เลือกให้เหมาะกับผู้ใช้งาน เพราะแต่ละวัยมีพฤติกรรมและความชอบในการนอนต่างกันเด็กๆ มักชอบที่นอนนุ่มๆ ซึ่งไม่ควรนุ่มเกินไป เพราะอาจทำให้การจัดระเบียบร่างกายไม่ดีนักและมีผลระยะยาวต่อสุขภาพ ส่วนผู้ใหญ่ควรคำนึงด้วยว่านอนคนเดียวหรือนอนคู่ หากนอนคู่ควรทดลองนอนพร้อมกัน เพราะที่นอนสำหรับสองคนควรเป็นแบบ Pocket Spring ที่ไม่สั่นสะเทือนรบกวนกันเวลาพลิกตัว และควรเลือกระดับความนุ่มแน่นที่ทั้งสองพอใจ เพื่อให้หลับสบายทั้งคู่แต่ถ้านอนคนเดียวก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ ขอเพียงรองรับสรีระได้ดีและไม่ทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือเมื่อยตัว
ที่นอนผู้ใหญ่ต้องแน่นแต่ไม่นุ่ม
สำหรับผู้สูงอายุควรเลือกที่นอนที่แน่นพอดี ไม่นุ่มเกินไป เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังโค้งงอ ปวดหลังเวลานอน เวลาลุกนั่งก็ยากลำบาก แต่ก็ไม่ควรแข็งเกินไป เพราะอาจทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้
จึงควรเลือกระดับความแน่นที่รองรับสรีระได้ดี และคำนึงถึงความสูงของเตียงรวมกับที่นอนให้เหมาะกับร่างกาย โดยวัดจากด้านข้างเตียงให้สูงไม่เกิน 45 ซม. หรือวางขาแล้วตั้งฉากกับพื้นพอดี จะช่วยให้ลุกนั่งได้สะดวกไม่เกิดการมึนงง

นุ่ม แน่น แข็ง แบบไหนเหมาะกับเรา?
ความนุ่มของที่นอนนั้นมีหลายระดับแตกต่างตามลักษณะสปริงและวัสดุภายใน ลองมาดูว่าสรีระและความชอบแบบเราเหมาะกับที่นอนแบบใดกัน... ชอบนอนแข็งและปวดหลังบ่อย คุณเหมาะกับที่นอนยางพารา เพราะเป็นที่นอนที่มีความยืดหยุ่นสูง นุ่มพอสมควร อายุการใช้งานยาวนาน สามารถระบายความร้อนได้ดี ให้ความสบายเวลานอน และยังเหมาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากด้วย

ที่นอนที่ดี ควรทำให้หลับได้อย่างสบายใจ[/caption] ชอบนอนนุ่มๆ ให้ที่นอนดูดวิญญาณ คุณเหมาะกับที่นอนสปริง เพราะมีความยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี มีการเพิ่มความนุ่มสบายด้วยชั้นวัสดุรองรับแบบต่างๆ เช่น Memory Foam, ยางพารา , ฟองน้ำ , ใยฝ้ายอัดแน่น ฯลฯ เหนือชั้นสปริงด้านล่างมีทั้งสปริงแบบ Pocket Spring ที่แยกตัวเป็นอิสระ ไม่มีแรงสะเทือนรบกวนคนนอนข้างๆ ในกรณีเป็นที่นอนคู่ และสปริงแบบ Bonnel Spring ซึ่งเป็นสปริงแบบเหลี่ยมที่รองรับน้ำหนักได้ดี ที่นอนแบบนี้จะเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวปานกลางหรือน้ำหนักตัวน้อย และชอบที่นอนนุ่มๆ ครับ ชอบนอนนุ่มแต่แน่น คุณเหมาะกับที่นอนยางสังเคราะห์ หรือโฟมสังเคราะห์อัดแน่น เพราะมีทั้งความนุ่มและแน่น ยืดหยุ่นรองรับสรีระ เหมาะกับคนที่มีอาการปวดหลัง มีน้ำหนักตัวปานกลางหรือน้ำหนักตัวน้อย และชอบความนุ่มแบบแน่นๆ

นุ่มขึ้นอีกด้วยท็อปเปอร์
ที่นอนที่หนาและสูง ไม่ได้หมายความว่าจะให้ความสบายที่เหมาะกับสรีระของเรา ความสูงของที่นอนทั่วไปจะอยู่ที่ขนาด 6” , 8” , 12” และ 14” ความต่างของความสูงนั่นคือการเพิ่มท็อปเปอร์เสริมความพิเศษต่างๆ ให้เกิดความนุ่ม ซึ่งมีการใช้วัสดุหลากหลายในการเพิ่มความนุ่มนี้ เช่น การใช้ Memory Foam , Latex , ฟองน้ำ , ใยฝ้ายอัดแน่น ฯลฯ ซึ่งแต่ละความนุ่มก็มีราคาที่แตกต่างกันไป นุ่มขึ้นอีกด้วยท็อปเปอร์
ที่นอนที่หนาและสูง ไม่ได้หมายความว่าจะให้ความสบายที่เหมาะกับสรีระของเรา ความสูงของที่นอนทั่วไปจะอยู่ที่ขนาด 6” , 8” , 12” และ 14” ความต่างของความสูงนั่นคือการเพิ่มท็อปเปอร์เสริมความพิเศษต่างๆ ให้เกิดความนุ่ม ซึ่งมีการใช้วัสดุหลากหลายในการเพิ่มความนุ่มนี้ เช่น การใช้ Memory Foam , Latex , ฟองน้ำ , ใยฝ้ายอัดแน่น ฯลฯ ซึ่งแต่ละความนุ่มก็มีราคาที่แตกต่างกันไปครับ
เคล็ดลับดูแลที่นอน ยืดอายุการใช้งาน
กลับที่นอนหัว-ท้าย ทุกๆ 3 เดือน สำหรับที่นอนที่สามารถนอนได้ด้านเดียว และกลับหัว-ท้าย รวมทั้งพลิกด้านหน้า-หลังทุกๆ 3 เดือนเช่นกัน สำหรับที่นอนที่ออกแบบเพื่อนอนได้ 2 ด้าน เพื่อให้ที่นอนได้คืนตัวกลับมาแน่นอีกครั้ง
ระบายอากาศภายในที่นอนด้วยการเปิดหน้าต่างห้องนอนให้ลมโกรก หรือให้แสงแดดส่องเข้ามาถึง เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียไปในตัว
ไม่รีดผ้าบนที่นอนเด็ดขาด หรือวางของร้อนๆ บนที่นอนเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำให้วัสดุต่างๆ ภายในชั้นที่นอนเสื่อมคุณภาพและเสียหายได้
อย่าให้ที่นอนเปียกน้ำ เพราะความชื้นจะยิ่งทำให้วัสดุภายในเสียหายและเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น
ควรปูผ้ารองกันเปื้อนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นแบบถอดซักได้ก่อนปูทับด้วยผ้าปูที่นอน เพื่อช่วยถนอมที่นอนและป้องกันคราบเหงื่อไคลต่างๆ
ไม่ควรยืนหรือกระโดดบนที่นอน เพราะอาจทำให้สปริงเกิดการเสียหายได้
หากต้องขนย้ายที่นอน ไม่ควรหักหรืองอที่นอนระหว่างเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ได้ที่นอนเสียทรง
กำจัดไรฝุ่นป้องกันภูมิแพ้
อย่าละเลยเรื่องการทำความสะอาดที่นอน เพราะส่วนประกอบความนุ่มภายในที่นอน ทั้งฟองน้ำ, ใยฝ้ายอัดแน่น รวมถึงขนสัตว์ต่างๆ เมื่อใช้ไปนานๆ แล้ว หากไม่ใส่ใจดูแลก็อาจกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของตัวไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้ได้ เพราะที่นอนเป็นสิ่งที่เราสัมผัสอย่างใกล้ชิดวันละกว่า 7-8 ชม. ดังนั้น สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีความเสี่ยงก็ต้องใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดที่นอนเป็นพิเศษด้วยการดูดฝุ่นพลังสูงเฉพาะสำหรับที่นอน เพื่อทำลายแหล่งอาหาร ฆ่าเชื้อโรคภายในที่นอนเป็นประจำทุก 3 เดือน รวมถึงเลือกใช้ที่นอนที่มีการเคลือบสารป้องกันไรฝุ่นและผ้ารองกันเปื้อนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นด้วย เพื่อกันไม่ให้ไรฝุ่นต่างๆ มาโดนตัวเราโดยตรง ช่วยลดการเกิดภูมิแพ้ได้

ทิปส์เด็ดเคล็ดลับที่คุณมักอายที่จะทำเมื่อต้องมาเลือกที่นอน แต่เราอยากให้คุณลอง..แต่งตัวในชุดทะมัดทะแมงเพื่อมาทดลองนอนให้เจอที่นอนแบบที่ชอบ ไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาในการเลือกให้เต็มที่ อย่าเกรงใจพนักงานเด็ดขาด ควรใช้เวลาอย่างน้อยสัก 10-20 นาที หรือลองนอนให้รู้สึกว่าจะเคลิ้มหลับได้ยิ่งดี แล้วคุณจะได้คำตอบที่ใช่ ว่าที่นอนแบบนี้แหละ..เหมาะกับคุณ ขอขอบคุณแหล่งที่มา https://www.homepro.co.th/homeguru/choose-bed






ความคิดเห็น